มหาโควินทสูตรตอนที่ ๓ (สนังกุมารพรหม)
ชาวโลกนี้ เป็นผู้มืดบอด มีน้อยคนที่เห็นแจ้งในโลกนี้ น้อยคนที่จะไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เหมือนนกน้อยตัวที่รอดพ้นจากตาข่ายมีน้อยฉันนั้น
อานิสงส์รักษาศีลจนตลอดชีวิต
แม้ว่าจะต้องทำงานรับจ้างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพียงใดก็ตาม ท่านจะนึกถึงศีลตนที่ได้ประคองรักษาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง จนเวลาล่วงมาถึงหนึ่งแสนปี เมื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึง ท่านก็ได้ระลึกถึงศีลของตนเอง ทำให้เกิดมหาปีติว่า “ศีลที่เราสมาทาน และได้รักษาอย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ แม้นอนอยู่บนเตียงคนป่วย เราก็มีใจชื่นบาน ไม่หวั่นไหวต่อมรณภัยเลย
อานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเอง
สำหรับผู้ปรารถนาอยู่ร่วมกับทวยเทพทั้งหลาย ควรที่จะบำเพ็ญกุศลไว้ให้มาก เพราะว่าผู้ที่ทำบุญไว้ดีแล้ว ย่อมเพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติบันเทิงอยู่ในสุคติสวรรค์
รุกขธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เขาได้สดับมาว่า พวกเทวดาที่สิงสถิต อยู่บนต้นไม้มีกลิ่นหอม มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก เขาจึงปรารภต่อว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอให้เราเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดา ซึ่งสิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นหอม แล้วเขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาซึ่งสิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้มีกลิ่นหอม
ทรงพยากรณ์คติของสาวกทำไม
ดูก่อนอนุรุทธะทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ตถาคตเห็นอำนาจประโยชน์อะไรอยู่ จึงพยากรณ์สาวกทั้งหลายทำกาละล่วงลับไปแล้ว ใ
ความหวังที่ควรตั้งใจ
เถาวัลย์ชื่ออาสาวดี เกิดในสวนจิตรลดาวัน พันปีจึงออกผลผลหนึ่ง เมื่อมีผลระยะไกลถึงเพียงนั้น เหล่าทวยเทพก็พากันไปเยือนมันบ่อยๆ ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงจำนงหวังไว้เถิด ความหวังที่มีผลเป็นเหตุให้เกิดสุข
คําศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ ตอน The Lord Buddha Part 11
ติดตามเรื่องเกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า The Lord Buddha's History Part #11 ประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 11 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูผู้ยิ่งใหญ่จนถึงว่าละสุดท้าย
พลิกวิกฤต..เพราะคิดบวช
ในชีวิตของมนุษย์นั้น ช่วงเวลาที่กล่าวได้ว่า เป็นวิฤตที่สุดของชีวิต ก็คือ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต นั่นคือ ช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับความตาย ซึ่งทุกท่าน ๆ ทราบดีอยู่แล้วว่า ทุกท่านนั้นต้องเผชิญกับช่วงเวลาวิกฤตนี้อย่างแน่นอน
เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
ดูก่อนภิกษุ เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง สมมติว่า มีภูเขาศิลาลูกใหญ่ยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ มีบุรุษผู้หนึ่งนำเอาผ้าขาวบางมาจากแคว้นกาสี แล้วเอาผ้านั้นลูบภูเขา ๑๐๐ ปีต่อครั้งหนึ่ง การที่ภูเขาศิลาใหญ่แท่งนั้นจะถึงความสิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้น ยังเร็วกว่าระยะเวลาหนึ่งกัป ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑,๐๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐,๐๐๐ กัป เป็นเพราะว่า วัฏสงสารนี้กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้
ส่องธรรม ล้ำภาษิต : เพียรบากบั่นต่อเนื่อง
ผู้ฉลาดย่อมเพ่งพินิจ พิเคราะห์ พิจารณา ผู้ฉลาดย่อมเห็นคุณค่าความเพียร ทำความเพียรไม่ลดละ