อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ก่อนลมหายเฮือกสุดท้าย)
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไปสงบระงับสังขารเหล่านั้น นำสุขมาให้
นรก-สวรรค์
บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติทุจริตด้วยกาย... ด้วยวาจา ... ด้วยใจ บุคคลนั้นครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย... ด้วยวาจา... ด้วยใจแล้ว เพราะกายแตก ตายไปย่อมเข้าถึงอุบาย ทุคติ วินิบาต นรก นิรยบาลทั้งหลาย ต่างก็จับบุคคลนั้นที่แขนไปแสดงแก่พญายมว่า
ทำไมคนจึงต่างกัน ?
สุภมาณพ โตเทยยบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีต
ทำอย่างไรจึงจะมีผิวพรรณที่สวยงาม น่าดู น่าชม ?
ดูก่อนมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้
อานิสงส์สร้างพระคันธกุฎี
ท่านเทพบุตร วิมานของท่านดูงดงามเหลือเกิน เต็มไปด้วยข่ายแก้วสีทองสุกปลั่ง รุ่งเรืองดุจรัศมีแห่งพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เราอยากจะถามท่านว่า นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร ...นี้เป็นผลกรรมที่ได้สร้างพระคันธกุฎีและถวายดอกไม้หอมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชีวิตมนุษย์ประเสริฐที่สุด
กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก
ทิพยสถานสำหรับผู้มีบุญ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเกิดในสวรรค์ เหมือนถูกเชิญมาเกิด ธรรม ๔ ประการคือ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการพูดเท็จ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมบังเกิดในสวรรค์เหมือนถูกเชิญมาเกิด
พระทศพลญาณ
มนุษย์ส่วนใหญ่ต่างเสาะแสวงหาความรู้ต่างๆ เพียงเพื่อให้รู้วิธีการประกอบอาชีพ ที่จะนำมาซึ่งปัจจัยสี่สำหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย ให้ดำรงอยู่ในโลกนี้อย่าง
เบื้องหลังการออกแบบชีวิต
คุณค่าของชีวิต ที่คุณออกแบบได้ด้วยตนเอง มนุษย์เราเกิดมาไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม เรายังต้องการจะก้าวไปสู่จุดที่สมบูรณ์มากกว่านี้ คือ จุดที่พร้อมด้วยสิ่งที่มนุษย์ทั้งหลายปรารถนา เป็นต้นว่า มีครอบครัวดี การงานดี ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง เฉลียวฉลาด สง่างาม ฯลฯ แต่ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักศักยภาพของตัวเอง เราก็คงจะยังไม่สามารถก้าวไปถึงจุดหมายที่สมบูรณ์ได้
กรณีศึกษาโรงเรียนอนุบาลสุธีธร ตอนที่ 13
คำว่า “ผี” นั้น จริงๆ มาจากคำว่า “ภี” ในภาษาบาลี แปลว่า กลัว ผี หมายถึอดีตมนุษย์ที่เป็นกายละเอียดในระดับภาคพื้นมนุษย์หลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นพวกสัมภเวสี หรือภุมมะเทวา เป็นต้น