ปาริฉัตรสวรรค์
สมัยใด ปาริชาตกัลปพฤกษ์ของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว สมัยนั้นเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ ต่างพากันดีใจเป็นหนักหนา อิ่มเอิบพรั่งพร้อมไปด้วยเบญจกามคุณ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะเวลา ๔ เดือนทิพย์ ณ ควงไม้ปาริชาตกัลปพฤกษ์ ดอกปาริชาตกัลปพฤกษ์บานเต็มที่นั้น จะแผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ในบริเวณรอบๆ จะส่งกลิ่นไปตามลมได้ ๑๐๐ โยชน์
ทางกลับสู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ
บุคคลปรารถนาเป็นผู้มีอายุยืน ไม่มีโรค มีผิวพรรณผ่องใส มีสวรรค์เป็นที่ไป อยากเกิดในตระกูลสูง และมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป พึงบำเพ็ญความไม่ประมาท บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาทในบุญทุกอย่าง (อัปปมาทสูตร)
ท่องสวรรค์ ตอน อสูรพิภพ
ในสมัยแรกที่มฆมาณพ และสหาย 32 คน ได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ใหม่ๆ พวกเทพบุตรที่อยู่ก่อน นำน้ำคันธบาลที่เป็นทิพย์ ซึ่งเป็นน้ำเมาสวรรค์มาเลี้ยงต้อนรับ ดื่มแล้วจะมึนเมา พวกเทพที่อยู่ก่อนนำมาเลี้ยง แต่กินกันเองจนเมาขาดสติ
จอมเทพอสูร
ดูก่อนอสูรผู้ใจบาป เราทั้งปวงนี้มีความประสงค์จะขออภัย ไยท่านกล้ามาให้ซึ่งภัยเสียเล่า เราใคร่จะขอรับแต่อภัยอย่างเดียว เมื่อท่านมาให้ภัยกระนี้ เรามิรับดอก ภัยนั้นจงตกอยู่กับตัวท่านเองเถิด สัมพรอสูรเอ๋ย
โครงสร้างดาวดึงส์
ดูก่อนสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลของทานแล้วให้ทาน ไม่มีการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า ตายไปแล้ว เราจะได้เสวยผลแห่งทานนี้ แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทานเป็นสิ่งที่ดี บุคคลนั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาในชั้นดาวดึงส์
ความงดงามของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในท่ามกลางเทพนครนั้น มีเวชยันตปราสาทสูงถึง 1,000 โยชน์ มีความสวยงามสุดพรรณนา ล้วน แล้วประดับด้วยรัตนชาติ 7 ประการ เพราะเป็นที่ประทับของท้าวสักกะจอมเทพ
วิธุรบัณฑิต บำเพ็ญสัจบารมี (๒)
การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ได้มาโดยยากยิ่ง เพราะเป็นโอกาสเดียวที่สามารถสั่งสมบุญกุศลได้เต็มที่
มหาโควินทสูตรตอนที่ ๑ (เทวสันนิบาต)
ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นเหตุแห่งสุข ภิกษุผู้ยินดีในความพร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมอันเกษมจากโยคะ
สักกปัญหสูตร ตอนที่๑ ( ฤาจะสิ้นท้าวสักกะ )
การที่จะดำรงภาวะของความเป็นมนุษย์ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะจะต้องดำรงตนให้รอดปลอดภัยจากอบายภูมิ
มหัศจรรย์วันออกพรรษา
พระจันทร์ พระอาทิตย์ ซึ่งปราศจากมลทิน ย่อมแจ่มกระจ่างในท้องฟ้า ซึ่งปราศจากเมฆฝน ฉันใด ข้าแต่พระองค์ ผู้มีพระรัศมีซ่านออกแต่พระสรีรกาย ผู้เป็นมหามุนี พระองค์ย่อมรุ่งเรืองล่วงสรรพสัตวโลก ด้วยพระยศ ฉันนั้น ดังนี้