พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 58 การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (6)
กว่าจะได้มาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์จะต้องทรงผ่านการบำเพ็ญเพียรและสั่งสมบารมีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เป็นเวลายาวนาน
มหาโควินทสูตรตอนที่ ๓ (สนังกุมารพรหม)
ชาวโลกนี้ เป็นผู้มืดบอด มีน้อยคนที่เห็นแจ้งในโลกนี้ น้อยคนที่จะไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เหมือนนกน้อยตัวที่รอดพ้นจากตาข่ายมีน้อยฉันนั้น
ปาริฉัตรสวรรค์
สมัยใด ปาริชาตกัลปพฤกษ์ของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว สมัยนั้นเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ ต่างพากันดีใจเป็นหนักหนา อิ่มเอิบพรั่งพร้อมไปด้วยเบญจกามคุณ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะเวลา ๔ เดือนทิพย์ ณ ควงไม้ปาริชาตกัลปพฤกษ์ ดอกปาริชาตกัลปพฤกษ์บานเต็มที่นั้น จะแผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ในบริเวณรอบๆ จะส่งกลิ่นไปตามลมได้ ๑๐๐ โยชน์
สู้จนกว่าจะชนะ
บัณฑิตในกาลก่อน แม้ถือกำเนิดในสัตว์เดียรัจฉาน ได้กระทำความเพียรจนได้รับบาดเจ็บเห็นปานนี้ แต่ก็ไม่ละความเพียร ส่วนเธอออกบวชในศาสนานี้ ที่จะนำออกจากทุกข์ได้ เพราะเหตุไรเล่า จึงละความเพียรเสีย
การได้ฟังธรรมเป็นลาภอันประเสริฐ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้ายากอย่างยิ่ง แต่การได้ฟังพระสัทธรรมยากอย่างยิ่งกว่า”
อานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเอง
สำหรับผู้ปรารถนาอยู่ร่วมกับทวยเทพทั้งหลาย ควรที่จะบำเพ็ญกุศลไว้ให้มาก เพราะว่าผู้ที่ทำบุญไว้ดีแล้ว ย่อมเพียบพร้อมด้วยโภคสมบัติบันเทิงอยู่ในสุคติสวรรค์
ไก่งามเพราะขน คนไม่งามจึงต้องแต่ง คนกับไก่ไม่ต่างกันในเรื่องของกิเลส
คำคมสอนใจกับธรรมะใสๆ ที่ให้แง่คิดมุมมองดีๆ กับชีวิต สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
เพียงรักษาจิตเท่านั้น
“พระพุทธศาสนา” เป็นศาสนาของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อีกทั้งยังเป็นแหล่งความรู้อันบริสุทธิ์มากมาย
ศรัทธาพาพ้นทุกข์
บุคคลจะอายุยืนเพราะทรัพย์ก็หาไม่ จะละความแก่ไปเพราะทรัพย์ก็หาไม่ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตว่าเป็นของน้อย ไม่ยั่งยืน มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา คนพาลถูกอารมณ์ที่ไม่พอใจเบียดเบียน ย่อมอยู่เป็นทุกข์เพราะความเป็นพาล ส่วนนักปราชญ์ถูกผัสสะถูกต้องแล้วย่อมไม่หวั่นไหว ปัญญาจัดว่าประเสริฐกว่าทรัพย์ เพราะปัญญาเป็นเหตุให้บรรลุพระนิพพาน แต่คนพาลไม่ปรารถนาจะบรรลุ พากันทำความชั่วต่างๆ วนเวียนอยู่ในภพน้อยภพใหญ่เพราะความหลง ผู้ใดทำความชั่วเพราะความหลง ผู้นั้นจะต้องเวียนตายเวียนเกิด อยู่ในวัฏสงสารร่ำไป
อัครสาวก ซ้าย-ขวา
ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยความเป็นสาระ และสิ่งไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบแต่สิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร