มลทินที่ร้ายแรงที่สุด
มลทินที่ร้ายแรงที่สุด อวิชฺชา ปรมํ มลํ ความไม่รู้เป็นมลทินร้ายที่สุด (๒๓/๑๐๕)
พุทธสุภาษิตสะกิดใจ "มนต์มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน"
อสชฺฌายมลา มนฺตา มนต์ มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน มนต์ในที่นี้ หมายถึงวิชาความรู้ อันจะเป็นเหตุให้เกิดประโยชน์ในทางที่ดี ในสมัยโบราณ จะมีการท่องบ่นเป็นหลักที่ว่านี้ มิใช่คาถาอาคม มาถึงในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้ยินคนท่องหนังสือ แม้แต่สูตรคูณ ก็ยังไม่เห็นมีใครท่องกัน ใช้เครื่องคิดเลขแทน
พุทธสุภาษิตสะกิดใจ "เกียจคร้าน เป็นสันดานคนเลว"
อนุฏฺฐานมลา ฆรา เหย้าเรือน มีการไม่ขยัน เป็นมลทิน เหย้าเรือน หมายถึง โภคทรัพย์สมบัติสิ่งของ รวมไปถึงบุคคลทั้งหมดที่มีอยู่ในครอบครัวนั้น ซึ่งมีพ่อบ้านเป็นหัวหน้าผู้ปกครอง หรือพ่อบ้านจะมอบหมายให้แม่บ้าน เป็นผู้ปฏิบัติการก็ตามที
เสียงสาธุการของเทวดา
มนต์ทั้งหลาย มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน เรือนมีความไม่หมั่นเป็นมลทิน ความเกียจคร้านเป็นมลทินของผิวพรรณ ความประมาทเป็นมลทินของผู้รักษา
ผู้รักในการทำความดี
ผู้มีปัญญา ทำกุศลอยู่คราวละน้อยๆ ทุกๆ ขณะโดยลำดับ พึงกำจัดมลทิน คือกิเลสของตนได้ เหมือนช่างทองขจัดมลทินของทองให้หมดไปได้ฉะนั้น
พุทธสุภาษิตสะกิดใจ "เกียจคร้านเป็นมารชีวิต"
พุทธศาสนสุภาษิต พุทธสุภาษิต สุภาษิตไทย พุทธศาสนสุภาษิตพร้อมความหมาย พุทธศาสนสุภาษิต คําอ่าน คําแปล
สรรเสริญ นินทา ธรรมดาของโลก
อตุละ การนินทาและสรรเสริญนั่น เป็นของเก่า นั่งไม่ใช้เป็นเหมือนมีในวันนี้ ชนทั้งหลายย่อมนินทาผู้นั่งนิ่งบ้าง ย่อมนินทาผู้พูดมากบ้าง ย่อมนินทาผู้พูพอประมาณบ้าง ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑)
การบังเกิดขึ้นของดวงอาทิตย์ย่อมขจัดความมืดมิดให้หมดสิ้นไปได้ฉันใด การบังเกิดของเอกบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ ในอันที่จะขจัดมลทิน คือ ความมืดบอดในใจให้หมดสนิ้ ไปได้ฉันนั้น เพราะความรู้อันบริสุทธิ์ที่เกิดจากการประพฤติธรรมตามคำสั่งสอนของพระองค์จะนำพาให้มวลมนุษย์มีดวงปัญญาบริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด และอยู่รอดปลอดภัยอย่างผู้มีชัยชนะในวัฏสงสาร
เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๗)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างที่เรารู้ไซร้ สัตว์ทั้งหลายยังไม่ให้แล้วจะไม่พึงบริโภค อนึ่ง ความตระหนี่อันเป็นมลทินจะไม่พึงครอบงำจิตของสัตว์เหล่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แต่เพราะสัตว์ทั้งหลายไม่รู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างที่เรารู้ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงไม่ให้ แล้วบริโภคเสียเอง อนึ่ง ความตระหนี่อันเป็นมลทินจึงยังครอบงำจิตของสัตว์เหล่านั้น
เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๕)
ถ้าหากว่าสรรพสัตว์พึงรู้ผลแห่งการจำแนกทาน เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ตรัสแล้ว รู้โดยวิธีที่ผลนั้น เป็นผลใหญ่ไซร้ สัตว์ทั้งหลายพึงกำจัดความตระหนี่อันเป็นมลทินเสีย มีใจผ่องใส พึงให้ทานที่ให้แล้วมีผลมาก