วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาปราสาท)
พระเจ้ามหาปนาทนั้นมีปราสาทล้วนแล้วไปด้วยทอง กว้าง ๑๖ ชั่วธนูตก สูง ๑ พันชั่วธนู และปราสาทนั้นมีพื้น ๗ ชั้น ประกอบไปด้วยธง สำเร็จด้วยแก้วมีสีเขียว มีนางฟ้อน ๖ พัน แบ่งออกเป็น ๗ พวก ฟ้อนรำอยู่ในปราสาทนั้น
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 34 พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ (6)
หลายๆคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า ชีวิตของคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ทั้งๆที่จริงแล้ว เราสามารถเลือกเกิดและสามารถออกแบบชีวิตของเราเองได้
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 33 พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ (5)
ครั้นพระภัททชิได้ฟังพระพุทธองค์ตรัสเช่นนั้น ท่านก็ได้ถวายบังคมและรับพระดำรัสของพระบรมศาสดา โดยการเหาะขึ้นไปสู่เวหาแล้วมุ่งลงสู่เบื้องล่างของแม่น้ำคงคา
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 31 พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ (3)
ภายหลังจากที่สองพ่อลูกซึ่งได้ถวายบรรณศาลาแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ละจากโลกไปแล้ว (คนที่เป็นลูก...ต่อมาก็คือพระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ ทั้งคู่ต่างก็ได้วนเวียนอยู่ในสุคติภูมิแต่เพียงอย่างเดียว
วิสาขามหาอุบาสิกา (ผู้ถึงฝั่งนิพพาน)
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงต้องตาย เพราะชีวิตมีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายจักไปตามกรรม เข้าถึงผลแห่งบุญและบาป คือ ผู้มีกรรมเป็นบาปจักไปสู่นรก ส่วนผู้มีกรรมเป็นบุญจักไปสู่สุคติ เพราะฉะนั้น พึงทำกรรมงามอันจะนำไปสู่สัมปรายภพ สั่งสมไว้ บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก
วิสาขามหาอุบาสิกา (พรอันประเสริฐ)
สตรีใดให้ข้าวและน้ำ มีใจเบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นสาวิกาของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่แล้ว บริจาคทาน อันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสุข สตรีนั้น อาศัยมรรคปฏิบัติ ปราศจากธุลี ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ย่อมได้กำลัง และอายุทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมีสุข สมบูรณ์ด้วยพลานามัย ย่อมปลื้มใจในสวรรค์สิ้นกาลนาน
ปรากฏการณ์สำแดงอานุภาพของพระบรมธาตุ (1)
การเพิ่มหรือลดจำนวน เปล่งแสงสว่างเป็นฉัพพรรณรังสีและดวงรัศมี : มีหลายลักษณะและมีบันทึกไว้มากมายหลายยุคหลายสมัย จะขอยกตัวอย่างไว้พอสังเขปดังต่อไปนี้...
กัณฐกวิมาน
พระจันทร์มีรอยรูปกระต่ายในเดือนเพ็ญ ถูกหมู่ดาวแวดล้อม เป็นอธิบดีของหมู่ดาวทั้งหลาย ย่อมโคจรไปในอากาศ ฉันใด ทิพยวิมานนี้ก็ฉันนั้น ย่อมรุ่งโรจน์ด้วยรัศมีในเทพบุรี เหมือนดวงอาทิตย์กำลังอุทัย ดูก่อนเทพบุตร ท่านเป็นผู้มีรัศมีมาก รุ่งโรจน์ยิ่งด้วยวรรณะ อยู่ในวิมานอันประเสริฐนั้น ดุจดวงอาทิตย์กำลังอุทัย นี้เป็นผลแห่งทาน หรือศีล หรืออัญชลีกรรมของท่าน ท่านถูกอาตมาถามแล้ว โปรดบอกข้อนั้นแก่อาตมาเถิด
นิมมานรดี
ดูก่อนสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตใจผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน อีกทั้งไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า “เราหุงหากินได้ แต่สมณะ หรือพราหมณ์ทั้งหลาย ไม่ได้หุงหากิน การไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมเป็นการไม่สมควร” แต่ให้ทานด้วยคิดว่า “เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทานเช่นเดียวกับท่านฤาษีทั้งหลาย ผู้ที่ได้เคยจำแนกแจกทาน ตามแบบอย่างของบัณฑิตนักปราชญ์ในกาลก่อน บุคคลนั้นให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลาย ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
สวรรค์ชั้นยามา
ดูก่อนสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีหวังสิ่งตอบแทนในทาน แต่ก็ให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทานเป็นการกระทำที่ดี แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า บิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เคยให้ เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี เขาผู้นั้นให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาในสวรรค์ชั้นยามา